The idea of achieving security through national armament is, at the present state of military technique, a disastrous illusion. ~ ~ Einstein : http://www.gwidgets.com/
The only function of economic forecasting is to make astrology look respectable. ~ ~ John Kenneth Galbraith
Everybody believes in something and everybody, by virtue of the fact that they believe in something, use that something to support their own existence. ~ ~ Frank Zappa
The man who insists on seeing with perfect clearness before he decides, never decides. ~ ~ Henri-Frédéric Amiel
วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551
พระจันทร์ : สปุตนิก กับ ไลก้า
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ไปเดินเล่นที่ TBT มา
ด้วยความที่เซ็งและเบื่อหน่ายกับชีวิตมากมาย
ก้อเลยเกิดกลียุคขึ้นกับชีวิตอีกรอบ
คือการซื้อหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังอย่างคนหิวโหย
แล้วก้อมีหนังสือที่ชื่อว่า "พระจันทร์" อยู่ในนั้นด้วยหนึ่งเล่ม
เขียนโดย "สปุตนิก" และ "ไลก้า"
ด้วยตัวหนังสือได้นำชื่อเรียกพระจันทร์ในแต่ละเดือนทั้ง 12 เดือน
ของชาวอินเดียนแดงมานำเสนอเป็นเรื่องสั้นซึ่งมีทั้งหมด 24 เรื่อง
เมื่ออ่านเรื่องราวของแต่ละเรื่องในแต่ละเดือน และของแต่ละคนแล้ว
ความรู้สึกแรกเลยคือ ทำไมฉันมันบ้า ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้นักนะ
อันที่สอง ทำไมแต่ล่ะเรื่องมันช่างทำให้เรารู้สึกเป็นอย่างนี้เนี่ย
ยิ่งเรื่องของพระจันทร์เดือนกันยายน ที่เขียนโดย "สปุตนิก"
อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นความรู้้สึกที่ยากจะลืมจริงๆ
ด้วยเนื้อเรื่องบ่งบอกถึงช่วงเวลาในเดือนกันยายน Full Harvest Moon
อากาศแบบปลายฝนต้นหนาว บรรยากาศภายในห้องสมุด
รวมทั้งความรู้สึกของตัวละครทั้งสองคน
ทำให้เราหวนคิดถึงคนๆ นั้นขึ้นมาอีกจนได้ ทั้งที่น่าจะลืมไปได้นานแล้ว
ในเรื่องได้กล่าวถึง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามหาคนที่อ่านหนังสือเหมือนกับเธอทุกเล่ม
โดยได้ตามสืบค้นทั้งจากบรรณารักษ์ห้องสมุด เพื่อนๆ ของคนๆ นั้น
จนกระทั่งวันนั้นก้อมาถึง วันที่เค้าและเธอได้เจอกันในห้องสมุด และนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน
ด้วยที่ชายคนที่เธอเจอนั้นเป็นนายหนอนหนังสือ ส่วนเธอก้อคือหญิงสาวห้าวหาญคนนึง
แต่ความรสนิยมทางการอ่าน และทัศนคติบางอย่างที่เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองสนิทกัน
และแล้ววันนึงเมื่อบทสรุปได้เวียนมาถึง วันที่นายหนอนหนังสือต้องย้ายถิ่นฐานไปอังกฤษ
เค้าก้อได้มาหาหญิงสาวที่บ้าน พร้อมหอบหนังสือกองใหญ่มาให้ท่ามกลางสายฝน
และได้ชวนหญิงสาวออกไปกินไอติมที่เธอชอบ แต่เค้าเป็นภูมิแพ้พวกขนม ที่มีนม เนย
เมื่อเค้าบอกกับเธอว่าจะต้องจากไปในเดือนหน้าแล้วนั้น
ไอติมคำสุดท้ายที่กำลังลิ้มลอง ก้อได้รับการร้องขอจากนายหนอนหนังสือนั่นเอง
ส่วนระยะเวลาที่เหลือนั้น จากที่สัญญาว่าจะอ่านหนังสือด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย
กลับต้องเป็นช่วงเวลาในการเยี่ยมไข้ และเงียบเหงาในความรู้สึก
แต่เมื่่อผ่านไปจนวันสุดท้าย และนายหนอนหนังสือได้ออกจาก รพ. แล้ว
เค้าทั้งสองก้อได้คุยโทรศัพท์กันจนถึงรุ่งเช้า และได้แลกเปลี่ยนความคิด
ความรู้สึกของกันและกัน
และยังมีอีกหลายตอนที่ชอบนะ แต่ที่นำตอนนี้มาพูดถึงก้อเพราะว่า
มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดกับตัวเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ก้อยังรู้สึกดี...เหมือนอย่างเดิม ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน
ภาพนั้นในความรู้สึกก้อยังอยู่จนถึงวันนี้
ขอบคุณที่มอบช่วงเวลานั้นมาให้นะ...คุณ
ด้วยความที่เซ็งและเบื่อหน่ายกับชีวิตมากมาย
ก้อเลยเกิดกลียุคขึ้นกับชีวิตอีกรอบ
คือการซื้อหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังอย่างคนหิวโหย
แล้วก้อมีหนังสือที่ชื่อว่า "พระจันทร์" อยู่ในนั้นด้วยหนึ่งเล่ม
เขียนโดย "สปุตนิก" และ "ไลก้า"
ด้วยตัวหนังสือได้นำชื่อเรียกพระจันทร์ในแต่ละเดือนทั้ง 12 เดือน
ของชาวอินเดียนแดงมานำเสนอเป็นเรื่องสั้นซึ่งมีทั้งหมด 24 เรื่อง
เมื่ออ่านเรื่องราวของแต่ละเรื่องในแต่ละเดือน และของแต่ละคนแล้ว
ความรู้สึกแรกเลยคือ ทำไมฉันมันบ้า ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้นักนะ
อันที่สอง ทำไมแต่ล่ะเรื่องมันช่างทำให้เรารู้สึกเป็นอย่างนี้เนี่ย
ยิ่งเรื่องของพระจันทร์เดือนกันยายน ที่เขียนโดย "สปุตนิก"
อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นความรู้้สึกที่ยากจะลืมจริงๆ
ด้วยเนื้อเรื่องบ่งบอกถึงช่วงเวลาในเดือนกันยายน Full Harvest Moon
อากาศแบบปลายฝนต้นหนาว บรรยากาศภายในห้องสมุด
รวมทั้งความรู้สึกของตัวละครทั้งสองคน
ทำให้เราหวนคิดถึงคนๆ นั้นขึ้นมาอีกจนได้ ทั้งที่น่าจะลืมไปได้นานแล้ว
ในเรื่องได้กล่าวถึง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามหาคนที่อ่านหนังสือเหมือนกับเธอทุกเล่ม
โดยได้ตามสืบค้นทั้งจากบรรณารักษ์ห้องสมุด เพื่อนๆ ของคนๆ นั้น
จนกระทั่งวันนั้นก้อมาถึง วันที่เค้าและเธอได้เจอกันในห้องสมุด และนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน
ด้วยที่ชายคนที่เธอเจอนั้นเป็นนายหนอนหนังสือ ส่วนเธอก้อคือหญิงสาวห้าวหาญคนนึง
แต่ความรสนิยมทางการอ่าน และทัศนคติบางอย่างที่เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองสนิทกัน
และแล้ววันนึงเมื่อบทสรุปได้เวียนมาถึง วันที่นายหนอนหนังสือต้องย้ายถิ่นฐานไปอังกฤษ
เค้าก้อได้มาหาหญิงสาวที่บ้าน พร้อมหอบหนังสือกองใหญ่มาให้ท่ามกลางสายฝน
และได้ชวนหญิงสาวออกไปกินไอติมที่เธอชอบ แต่เค้าเป็นภูมิแพ้พวกขนม ที่มีนม เนย
เมื่อเค้าบอกกับเธอว่าจะต้องจากไปในเดือนหน้าแล้วนั้น
ไอติมคำสุดท้ายที่กำลังลิ้มลอง ก้อได้รับการร้องขอจากนายหนอนหนังสือนั่นเอง
ส่วนระยะเวลาที่เหลือนั้น จากที่สัญญาว่าจะอ่านหนังสือด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย
กลับต้องเป็นช่วงเวลาในการเยี่ยมไข้ และเงียบเหงาในความรู้สึก
แต่เมื่่อผ่านไปจนวันสุดท้าย และนายหนอนหนังสือได้ออกจาก รพ. แล้ว
เค้าทั้งสองก้อได้คุยโทรศัพท์กันจนถึงรุ่งเช้า และได้แลกเปลี่ยนความคิด
ความรู้สึกของกันและกัน
และยังมีอีกหลายตอนที่ชอบนะ แต่ที่นำตอนนี้มาพูดถึงก้อเพราะว่า
มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดกับตัวเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ก้อยังรู้สึกดี...เหมือนอย่างเดิม ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน
ภาพนั้นในความรู้สึกก้อยังอยู่จนถึงวันนี้
ขอบคุณที่มอบช่วงเวลานั้นมาให้นะ...คุณ
ป้ายกำกับ:
พระจันทร์,
รีวิวหนังสือ,
สปุตนิกกับไลก้า,
หนังสือ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)