วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

พระจันทร์ : สปุตนิก กับ ไลก้า

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ไปเดินเล่นที่ TBT มา
ด้วยความที่เซ็งและเบื่อหน่ายกับชีวิตมากมาย
ก้อเลยเกิดกลียุคขึ้นกับชีวิตอีกรอบ
คือการซื้อหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังอย่างคนหิวโหย
แล้วก้อมีหนังสือที่ชื่อว่า "พระจันทร์" อยู่ในนั้นด้วยหนึ่งเล่ม
เขียนโดย "สปุตนิก" และ "ไลก้า"












ด้วยตัวหนังสือได้นำชื่อเรียกพระจันทร์ในแต่ละเดือนทั้ง 12 เดือน
ของชาวอินเดียนแดงมานำเสนอเป็นเรื่องสั้นซึ่งมีทั้งหมด 24 เรื่อง
เมื่ออ่านเรื่องราวของแต่ละเรื่องในแต่ละเดือน และของแต่ละคนแล้ว
ความรู้สึกแรกเลยคือ ทำไมฉันมันบ้า ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้นักนะ
อันที่สอง ทำไมแต่ล่ะเรื่องมันช่างทำให้เรารู้สึกเป็นอย่างนี้เนี่ย
ยิ่งเรื่องของพระจันทร์เดือนกันยายน ที่เขียนโดย "สปุตนิก"
อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นความรู้้สึกที่ยากจะลืมจริงๆ

ด้วยเนื้อเรื่องบ่งบอกถึงช่วงเวลาในเดือนกันยายน Full Harvest Moon
อากาศแบบปลายฝนต้นหนาว บรรยากาศภายในห้องสมุด
รวมทั้งความรู้สึกของตัวละครทั้งสองคน
ทำให้เราหวนคิดถึงคนๆ นั้นขึ้นมาอีกจนได้ ทั้งที่น่าจะลืมไปได้นานแล้ว

ในเรื่องได้กล่าวถึง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามหาคนที่อ่านหนังสือเหมือนกับเธอทุกเล่ม
โดยได้ตามสืบค้นทั้งจากบรรณารักษ์ห้องสมุด เพื่อนๆ ของคนๆ นั้น
จนกระทั่งวันนั้นก้อมาถึง วันที่เค้าและเธอได้เจอกันในห้องสมุด และนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน
ด้วยที่ชายคนที่เธอเจอนั้นเป็นนายหนอนหนังสือ ส่วนเธอก้อคือหญิงสาวห้าวหาญคนนึง
แต่ความรสนิยมทางการอ่าน และทัศนคติบางอย่างที่เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองสนิทกัน

และแล้ววันนึงเมื่อบทสรุปได้เวียนมาถึง วันที่นายหนอนหนังสือต้องย้ายถิ่นฐานไปอังกฤษ
เค้าก้อได้มาหาหญิงสาวที่บ้าน พร้อมหอบหนังสือกองใหญ่มาให้ท่ามกลางสายฝน
และได้ชวนหญิงสาวออกไปกินไอติมที่เธอชอบ แต่เค้าเป็นภูมิแพ้พวกขนม ที่มีนม เนย
เมื่อเค้าบอกกับเธอว่าจะต้องจากไปในเดือนหน้าแล้วนั้น
ไอติมคำสุดท้ายที่กำลังลิ้มลอง ก้อได้รับการร้องขอจากนายหนอนหนังสือนั่นเอง
ส่วนระยะเวลาที่เหลือนั้น จากที่สัญญาว่าจะอ่านหนังสือด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย
กลับต้องเป็นช่วงเวลาในการเยี่ยมไข้ และเงียบเหงาในความรู้สึก

แต่เมื่่อผ่านไปจนวันสุดท้าย และนายหนอนหนังสือได้ออกจาก รพ. แล้ว
เค้าทั้งสองก้อได้คุยโทรศัพท์กันจนถึงรุ่งเช้า และได้แลกเปลี่ยนความคิด
ความรู้สึกของกันและกัน

และยังมีอีกหลายตอนที่ชอบนะ แต่ที่นำตอนนี้มาพูดถึงก้อเพราะว่า
มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดกับตัวเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ก้อยังรู้สึกดี...เหมือนอย่างเดิม ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน
ภาพนั้นในความรู้สึกก้อยังอยู่จนถึงวันนี้
ขอบคุณที่มอบช่วงเวลานั้นมาให้นะ...คุณ